สนามพระ สนามพระเครื่อง วันที่ 01/12/56

สนามพระ สนามพระเครื่อง วันที่ 01/12/56



  พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย กรุวัดใหม่อมตรส ของอ้วน ลอยฟ้า. ไม่ ว่าเหตุการณ์บ้านเมืองจะเย็นหรือจะร้อนฉ่าแบบขณะนี้ การเล่นพระเครื่องของท่านผู้ชมก็ยังเหมือนเดิม แถมหลวงพ่อยังเนื้อหอมกว่าปกติ เพราะพอเกิดวิกฤติหนักๆ ทุกวงการก็ถามหาแต่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์..... พื้นที่ ตรงนี้ เป็น สนามพระ ไม่ใช่ สนามการเมือง ม็อบเลยไม่มา พระเครื่องทุกสำนักจึงเดินทางมาอย่างสะดวก

 เริ่มจากองค์แรกคือ พระสมเด็จ พิมพ์ฐานแซม วัดระฆังโฆสิตาราม ซึ่งเป็นพระเครื่องหน้าเก่า ที่นักนิยมพระสมเด็จยุคก่อน รังเก่า เช่าไปในราคาล้านกว่าๆ และเก็บไว้ดูคนเดียวมาเกือบ 10 ปี เพิ่งจะแง้มกุฏิออกมาชมความวุ่นวายของบ้านเมืองว่ามันจะเป็นยังไงหว่า.....


พระสมเด็จ พิมพ์ฐานแซม วัดระฆังโฆสิตาราม ของ พงษ์ ลีฬหา.

พระสมเด็จ พิมพ์ฐานแซม วัดระฆังโฆสิตาราม ของ พงษ์ ลีฬหา.
เสี่ย พงษ์ ลีฬหา เลยได้โอกาสเสนอค่าย้ายกุฏิให้หลวงพ่อสมเด็จ อย่างงาม เลยนิมนต์ออกมาได้สมใจให้วงการพระเครื่องฮือฮากันอีกครั้ง เห็นแล้วก็ยอมรับ สวยจริง สมราคาร่วม 10 ล้าน..... เท่ากับเก็บ 10 ปี ราคาขึ้นปีละล้าน ถ้าเก็บไป 20 ปีก็น่าจะได้ 20 ล้าน--แหม ถ้า สีกาอ่าง มี จะเก็บไว้ 100 ปีเลย แล้วค่อยเกิด ชาติหน้ามาเงิน 100 ล้าน..... องค์ที่สองก็ หลวงพ่อสมเด็จ อีก คือ พระสมเด็จบางขุน-พรหม พิมพ์เส้นด้าย กรุวัดใหม่อมตรส ก็เป็น พระเครื่องหน้าเก่า เหมือนกัน แต่เห็นกันบ่อย

เพราะซื้อขายเปลี่ยน มือเปลี่ยนเจ้าของตลอด เพราะเป็นพระเครื่องแท้ดูง่าย สภาพโชว์ได้ใช้ดี มีกําไร ตอนนี้อยู่ในครอบครองของ เสี่ยอ้วน ลอยฟ้า ก็ไม่รู้จะนานแค่ไหน และจะลอยไปอยู่กับใครอีก ..... การที่ พระสมเด็จฯ ของ เจ้าประคุณสมเด็จ (โต) ยิ่งมีคุณค่ามากขึ้นๆ ไม่ได้เสื่อมไปตามวันเวลาเหมือนรูปธรรมของวัตถุอื่นๆ ที่มีอายุ 100 กว่าปี มีคำอธิบายสั้นๆว่า เพราะ ศักดิ์สิทธิ์จริง..... แน่นอน การที่จะสร้างพระเครื่องให้ศักดิ์สิทธิ์มีอานุภาพมีพุทธคุณได้ ท่านผู้สร้างก็ต้องมี วิชา จึงขอเล่าถึง พระอาจารย์ของ สมเด็จฯโต คือ สมเด็จพระสังฆราช (สุก) วัดมหาธาตุ เจ้าคุณอรัญญิก วัดอินทรวิหาร และ พระอาจารย์แสง วัดชีปา ทะเลชุบศร ลพบุรี.....

สำหรับสององค์แรก รู้จักกันดี ส่วน พระอาจารย์แสง นั้น ไม่ค่อยได้พูดถึง อาจเป็นเพราะคนสมัยก่อนมี อาวุโส การจะกล่าวยกย่องจึงต้องกล่าวถึง สมเด็จพระสังฆราช (สุก) และ เจ้าคุณอรัญญิก ซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่..... ส่วน พระอาจารย์แสง เป็นพระไม่มียศศักดิ์ แต่เก่งมาก มีความเชี่ยวชาญด้านวิปัสสนาอย่างเข้มขลัง เล่ากันว่า ท่านเคยธุดงค์ไปจนถึงหงสาวดี ซึ่งหนทางในป่าเขาเต็มไปด้วยสัตว์ร้าย ไข้ป่าและภูตผีปีศาจเสือสมิง แต่ท่านก็กลับมาอย่างปลอดภัย--คำอธิบายว่า พระภิกษุ ไม่มีอาวุธ เพราะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต รอนแรมไปในป่าดงดิบเป็นเดือนๆได้อย่างไรโดยไม่มีภยันตราย จึงจบลงด้วย พุทธาคมอันล้ำเลิศ..... สมเด็จฯ โต จึงได้วิชาจาก พระอาจารย์แสง มาใช้ในการจัดสร้าง พระสมเด็จฯ ของท่าน ทำให้เป็นพระเครื่องที่มีความปาฏิหาริย์ความศักดิ์สิทธิ์ ระดับ ราชาแห่งพระเครื่อง.....

พระกําแพงซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ ลายกนก กรุลานทุ่งเศรษฐี กําแพงเพชร ของ ส.ส.เกียรติชัย ติรณศักดิ์สกุล.

พระกําแพงซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ ลายกนก กรุลานทุ่งเศรษฐี กําแพงเพชร ของ ส.ส.เกียรติชัย ติรณศักดิ์สกุล.
อีกองค์คือ พระกําแพงซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ ลายกนก กรุลานทุ่งเศรษฐี กําแพงเพชร..... สมัย สุโขทัย ยุค พระมหาธรรมราชาลิไท บ้านเมืองมีความสงบรุ่งเรือง พระเจ้าแผ่นดินและราษฎร ต่างฝักใฝ่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาจึงมีการจัดสร้างพระพิมพ์มากมาย เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา..... ประติมากรรม พระพิมพ์จึงเกิดขึ้นทุกวัด ในเขตนครชุม ทุ่งเศรษฐี เช่น พระกําแพงซุ้มกอ พระกําแพงเม็ดขนุน พระกําแพงพลูจีบ พระกําแพงกลีบจําปา ฯลฯ.....

 โดยเฉพาะ พระซุ้มกอ ศิลปะสุโขทัยยุคต้น (วัดตะกวน) ที่มีพุทธศิลป์อลังการ..... การ ค้นพบ พระกำแพงซุ้มกอ มี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อย่างประหลาด เพราะตอนที่ สมเด็จฯ โต ธุดงค์ขึ้นไปโปรดญาติโยมที่เมืองกำแพง เมื่อราวๆ พ.ศ. 2392 ได้พบศิลาจารึก (หลักที่3) ที่วัดเสด็จ..... แปลความได้ ว่าที่เมืองนครชุม ยังมีโบราณสถานและองค์พระเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุและพระพิมพ์ อยู่ฝั่งทิศเหนือ

เมื่อค้นหา ก็พบพระเจดีย์ 3 องค์หน้าวัดบรมธาตุ จึงบูรณปฏิสังขรณ์ ทําให้ได้พบพระพิมพ์มากแบบ ทั้งชนิดเนื้อดินผสมผง เนื้อว่านบุหน้าทอง หน้าเงิน และเนื้อชิน..... พระเนื้อดินผสมผง ได้รับความนิยมสูงสุด แยกได้ 2 พิมพ์ คือ แบบมีลายกนก (มีพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์จิ๋ว พิมพ์ขนมเปียะ) และแบบ ไม่มีลายกนก ซึ่งมีขนาดเดียว เนื้อเป็นสีดํากับนํ้าตาล ที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็น พิมพ์ใหญ่ลายกนกเนื้อดินผสมว่าน แบบนี้ของ ส.ส.เกียรติชัย ติรณศักดิ์สกุล ซึ่งเป็น พระหน้าใหม่ ที่สวยระดับ 5 ดาว.....

รูปหล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตา หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร ของชาคริต หริตวร.

รูปหล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตา หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร ของชาคริต หริตวร.
ตาม มาด้วย รูปจําลอง หล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตา หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร ซึ่งไม่มีวี่แววว่าจะมีรูปหล่อพระเกจิฯ องค์ใดเลื่อนชั้นมาเทียบได้ทั้งชื่อเสียงและ--องค์สวยบาดใจ เนื้อโลหะเข้มข้นครบสูตรแบบนี้ของ เสี่ยชาคริต หริตวร ประเมินราคาอย่างถูกสุดๆ ต้อง 4 ล้านขึ้น.....

พระร่วงยืน กรุวัดพระธาตุ ชลบุรี ชายจีวรกว้าง ของโต๊ะเซ้ง ประธานชมรมพระเครื่องชลบุรี.

พระร่วงยืน กรุวัดพระธาตุ ชลบุรี ชายจีวรกว้าง ของโต๊ะเซ้ง ประธานชมรมพระเครื่องชลบุรี.
องค์ต่อไปคือ พระร่วงยืน กรุวัดพระธาตุ ชลบุรี ซึ่งเป็นยอดพระกรุ-พระเก่า หนึ่งเดียวของเมืองชล..... พระศิลปะทวารวดียุคปลาย ค้นพบเมื่อ พ.ศ.2490 ในกรุพระ บริเวณหน้าวัดพระธาตุ เป็นพระเนื้อตะกั่ว สนิมแดงมีไขขาวขึ้นคลุมอยู่ชั้นนอก ลักษณะพิมพ์ทรงเหมือน พระร่วงยืน ลพบุรี แยกได้ 2 พิมพ์ คือ แบบชายจีวรแคบ กับ ชายจีวรกว้าง กระโปรงบาน แบบองค์นี้ของ เสี่ยชํานาญ ศรีพัชรเอก (โต๊ะเซ้ง) ประธานชมรมพระเครื่องชลบุรีคนสมัยก่อน ใช้ภาษาง่าย พูดปุ๊บไม่ต้องแปล เลยบัญญัติคำว่า กระโปรงบาน ให้เห็นภาพว่า ชายจีวรบาน เหมือนกระโปรงผู้หญิง.....

พระกริ่งสวนเต่า ยุค ร.5 ของ พล.อ.เชวงศักดิ์ ทองสรวย.

พระกริ่งสวนเต่า ยุค ร.5 ของ พล.อ.เชวงศักดิ์ ทองสรวย.

ต่อไป คือ พระกริ่งสวนเต่า พระดีพิธีหลวง ซึ่ง ร.5 ทรงให้ประกอบพิธีจัดสร้าง ณ บริเวณสวนเต่า ในพระบรมมหาราชวัง..... พระกริ่ง ถือเป็นพระเครื่องชั้นสูง เพราะมีขั้นตอนการสร้างยุ่งและยาก ไม่เหมือนการจัดสร้างพระพิมพ์ ที่กดพิมพ์แล้วถึงนำมาปลุกเสก หรือใช้มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าดี ผสมไปในเนื้อชั้นหนึ่งก่อน..... แต่ พระกริ่ง จะต้องลงอักขระคาถาในแผ่นทอง ถึง 108 ยันต์ และลงทับลงถมตามตำรากันมากมายจนกว่าจะครบถ้วน

ทุกขั้นตอนต้องมีฤกษ์พานาที ซึ่งแน่นอนว่า ต้องมีทุนทรัพย์มาก การจัดสร้าง พระกริ่ง ในสมัยก่อน จึงเป็นเรื่องของในรั้วในวังหรือผู้มีอำนาจบารมี ไม่ใช่เรื่องของชาวบ้านธรรมดา..... พระกริ่งสวนเต่า ฝีมือช่างหลวง เทหล่อแบบโบราณ เป็นรูปจําลององค์พระศาสดาปางสมาธิ นั่งลอยองค์ ถือธรรมจักร เนื้อโลหะผสม สีนากกลับดํา..... ทุกวันนี้ หายากมาก องค์งามๆแบบนี้ของ พล.อ.เชวงศักดิ์ ทองสรวย จึงเรียกราคาได้ตามความพอใจ.....

ราหูกะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง นครปฐม ของหมึก ท่าพระจันทร์.

ราหูกะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง นครปฐม ของหมึก ท่าพระจันทร์.
สุด ท้ายเป็นเครื่องรางของขลังที่กำลังเหมาะมากๆกับสถานการณ์บ้านเมืองที่พระ ศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก คือ ราหูกะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง นครปฐม .....

เชื่อถือกันมาว่า ราหูกะลาตาเดียว ของ หลวงพ่อน้อย มีอานุภาพหนุนดวงชะตา ให้เจริญรุ่งเรือง แม้ยามดวงตกก็ช่วยบรรเทาได้ แต่แย่หน่อยที่ยุคนี้หายาก และแพงระยับ--อันเจ๋งๆสวยเหน่งๆ ดูง่ายๆแถมมีเลี่ยม (นาก) เก่ามาแต่กำเนิดจากวัด อย่างนี้ของ เสี่ยหมึก ท่าพระจันทร์ ราคาเป็นแสนๆ ..... แต่ก่อน นักนิยมพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง จะเรียกว่า ราหูอมจันทร์ เพราะคตินิยมในการสร้างว่า สิ่งที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในจักรวาล ที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตของสิ่งมีชีวิตในโลก คือ พระจันทร์ และ พระอาทิตย์..... แต่ พระอาทิตย์ และ พระจันทร์ ก็ยังแพ้ต่อยักษ์ พระราหู ซึ่งสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ อมพระจันทร์ หรือ อมพระอาทิตย์ ได้ ทำให้เกิด จันทรคราส หรือ สุริยคราส โลกมืดมิดไปชั่วขณะ..... จริง อยู่ เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ ที่เงาของโลกบังดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ แต่เกจิอาจารย์ ได้นำมาใช้เพื่อผลทางความเชื่อศรัทธา ชักจูงคนเข้าสู่วัด ซึ่งแม้จะเป็นแนวไสยเวท แต่ก็มีพุทธพราหมณ์ปะปนเพราะมีการสวดปลุกเสกด้วยพระคาถา .....

หลวงพ่อน้อย จึงจัดสร้างเครื่องรางของขลัง ราหูอมจันทร์ โดยหา กะลาตาเดียว ถือว่าเป็นวัสดุอาถรรพณ์นำมาแกะเป็น หน้ายักษ์ (ราหู) อมพระจันทร์ หมายถึงพระอาทิตย์และพระจันทร์ (แต่ใช้ พระจันทร์ เป็นสัญลักษณ์รวม) แต่บางเกจิ แกะสองแบบ คาบพระจันทร์ อีกหน้าคาบพระอาทิตย์ แล้วเอามาประกบไว้ด้วยกัน..... การใช้ พระราหู จะต้องสวด พระคาถาสุริยประภา ในเวลากลางวัน ส่วนกลางคืน สวด คาถาจันทรประภา..... เอา คาถาไปด้วยเลย คาถาสุริยประภา คือ กุเสโต มะมะ กุเสโต โตราโม มะมะ โตราโม คุยหะโม มะมะ คุยหะโม คุตติโม มะมะ คุติโม ส่วนคาถากลางคืน ท่องว่า ยะถาตัง มะมะ ตังถายะ ตังวะตัง มะมะ ตังวะตัง ตังเสกา มะมะ กาเสตัง มะมะ ยะติกา.....


หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นมหาทิพยมนต์ ของพ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา.

หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นมหาทิพยมนต์ ของพ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา.
เข้า สนามพระใหม่ ไปดูว่ามีอะไรเช่ามาบูชาส่งท้ายปีเก่ารับปีใหม่บ้าง รายการแรก คือ หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นมหาทิพยมนต์ ของ พ่อท่านฉิ้น โชติโก วัดเมืองยะลา พระเกจิ อาจารย์สายตรงหลวงปู่ทวด

ซึ่งเป็นทั้งศิษย์และสหธรรมิกของ พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ปัตตานี คู่กับศิษย์อีกองค์คือ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ซึ่งเคยร่วมกันจัดสร้าง พระเครื่องเนื้อว่านหลวงพ่อทวด 2497 และ พระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน วัดเมืองยะลา ปี 2505..... จึงยอมรับกันว่า พ่อท่านฉิ้น รอบรู้ศาสตร์การสร้าง พระหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ดีที่สุด

เมื่อท่านจัดสร้าง รุ่น มหาทิพยมนต์ จึงได้รับความศรัทธาอย่างล้นหลาม..... นอก จากรู้จริง หลวงพ่อยังมีเมตตาอยากให้ลูกศิษย์ได้พระหลวงพ่อทวดรุ่นนี้ไปบูชาทั่วถึง จึงออกให้บูชาในราคาไม่แพง มี หลวงพ่อทวด ขนาดบูชา ห้อยคอ หลวงพ่อทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อนยกฐานะ, พิมพ์เตารีด, พิมพ์อาร์ม ตะกรุดมหาทิพยมนต์ แหวนหลวงพ่อทวด เพื่อสมทบทุนสร้างวิหาร ประดิษฐานพระบรมรูป 4 พระมหากษัตริย์ไทย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และสมเด็จพระปิยมหาราช..... พิธีพุทธาภิเษกมี 12 ธ.ค.นี้ ณ วัดเมืองยะลา

โดยมีพระเกจิอาจารย์สายใต้รวมเสก อาทิ พ่อท่านผัน วัดทรายขาว, พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ, พ่อท่านพล วัดนาประดู่ ฯลฯ.....

พ่อทวดดำ มหาเศรษฐี ของพ่อท่านดำ วัดสระแก้ว (หนา) ร่อนพิบูลย์ นครศรีธรรมราช.

พ่อทวดดำ มหาเศรษฐี ของพ่อท่านดำ วัดสระแก้ว (หนา) ร่อนพิบูลย์ นครศรีธรรมราช.
อีก สำนักมาจาก พ่อท่านดำ วัดสระแก้ว (หนา) อ.ร่อนพิบูลย์ นครศรีธรรมราช ซึ่งลูกศิษย์ยกย่องว่าเป็นพระแท้ พระสุปฏิปันโน มีพุทธาคมและวิปัสสนาญาณ ปฏิบัติดี ทำวัตรปฏิบัติไม่เคยขาด และมีเมตตาสูง ใครไปกราบขอบารมีเพื่อทำคุณประโยชน์บำรุงศาสนาและสาธารณะอื่นๆ ท่านไม่เคยขัด จึงเป็นที่ศรัทธาของศิษยานุศิษย์ทางใต้มาก..... ร่ำลือ กันมานานว่า ท่านเป็นพระที่วาจาสิทธิ์ และเป็นพระอริยสงฆ์ ผู้มีตำนาน ‘สรงน้ำในกา’ คือ สามารถย่อกายลงไปสรงน้ำในกาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งก็คงเป็นการอุปมาอุปไมยเปรียบเทียบว่าวิชาพุทธคมของท่านล้ำเลิศ..... ปัจจุบัน พ่อท่านดำ มีอายุวัฒนมงคล 95 ปี 71 พรรษา แล้ว จึงมีดำริจัดสร้าง หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ สูง 15 เมตร โดยจัดสร้างวัตถุมงคล รุ่น ทวดดำ มหาเศรษฐี ให้บูชาหาทุน..... ลักษณะเป็น เหรียญเสมา ด้านหน้า หลวงปู่ทวด ด้านหลัง พ่อท่านดำ และ เหรียญหลวงปู่ทวดเตารีด รุ่นแรก..... จัด พิธีพุทธาภิเษกไปแล้ว 2 วาระ เมื่อ 3 ต.ค. และ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีพระเกจิสายใต้นั่งปรกอธิษฐานจิต ให้วัตถุมงคลเปี่ยมด้วยพุทธาคม.....

สี่หูห้าตา รุ่น บันไดสวรรค์ ของครูบาบุญยัง วัดห้วยน้ำอุ่น อ.ลี้ ลำพูน.

สี่หูห้าตา รุ่น บันไดสวรรค์ ของครูบาบุญยัง วัดห้วยน้ำอุ่น อ.ลี้ ลำพูน.

สุด ท้ายเป็น เครื่องรางของขลัง คือ สี่หูห้าตา รุ่น บันไดสวรรค์ ของ ครูบาบุญยัง วัดห้วยน้ำอุ่น อ.ลี้ ลำพูน วัดเก่าแก่บนพื้นที่สูง..... ครู บาบุญยัง มีพลังฌานแก่กล้าและมีเมตตามาก บวชอยู่บนเขาตั้งแต่ยังเป็นเณร เป็นลูกศิษย์ ครูบาชัยวงศาพัฒนา และเคร่งครัดมากเหมือนอาจารย์ ฉันมื้อเดียวและไม่ฉันเนื้อสัตว์ และสืบทอดวิชาการสร้างวัตถุมงคล สี่หู-ห้าตา

ซึ่งโด่งดังมาจากอาจารย์ด้วย..... จากตำนาน สี่หูห้าตา เป็นพระอินทร์จำแลงลงมาช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากบนโลก มีลักษณะคล้ายลิง เรียกว่า พญาวานรสี่หูห้าตา อีกทั้งยังสื่อถึงหลักธรรม เรื่อง พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และ ศีล 5..... เครื่องรางของขลัง สี่หูห้าตา ของ ครูบาบุญยัง ได้รับความนิยมในหมู่ลูกศิษย์มากโดย เฉพาะมาเลเซีย สิงคโปร์ เมื่อท่านดำริหางบสร้างบันไดสวรรค์ ให้คนขึ้นไปไหว้พระธาตุเจดีย์ข้างบนเขา จึงสร้างรุ่น บันไดสวรรค์ ให้บูชา โดยเททองและพุทธาภิเษกชนวนมวลสารไปแล้ว และจะพุทธาภิเษก 7 ธ.ค.นี้..... วัตถุมงคลชุดสี่หูห้าตา จัดสร้างเพียง 75 ชุด ตามอายุท่าน ในชุดมีถึง 40 รายการเช่น เนื้อโลหะปิดทอง เนื้อไม้ทรงเครื่องทองคำ ทรงเครื่องทองคำ เนื้อเงิน เนื้อกะไหล่ทอง พระผงปิดด้วย ทอง, เงิน, นาก และล็อกเกตหลวงปู่ และผู้ที่สั่งจองชุดกรรมการ จะได้สลักชื่อบนแผ่นหินอ่อนทางขึ้นบันไดด้วย..... ลา กันด้วยเรื่องม็อบๆซะหน่อยจะได้ทันสมัย กับ เจ๊สมพร เจ้าของบริษัทส่งออก

ซึ่งวันที่ม็อบบุกกระทรวงการคลัง แกไปติดต่องานพอดี เลยติดอยู่นั่นแต่เช้า และตกใจมากไม่กล้าฝ่าออกมา..... จนถึงเย็น เห็นข้าราชการทยอยออกจากกระทรวงแกก็เลยไหลๆตามมาออกันแถวลิฟต์ แต่ญาติที่โทร.ให้มารับ โทร.มาบอกว่าเข้ามาไม่ได้ แกเลยยิ่งกลัว ไปยืนหลบอยู่ข้างลิฟต์ แล้วหยิบ พระนางพญา ในคอออกมาพนมมือหลับ ตาสวดอย่างยาว..... พอลืมตาหันกลับมาอีกที ปรากฏคนอื่นๆ ออกไปหมดแล้ว เหลือแต่ยาม ซึ่งเดินมาถามว่า มาม็อบหรือเปล่า แกรีบบอกว่าไม่ใช่อยากกลับบ้านแต่กลัว.....

ยาม บอกว่า โกลาหลแบบนี้ พระคงเอาไม่อยู่ และให้ เจ๊สมพร ถอดพระถอดเพชรใส่กระเป๋าไว้ แล้วยามก็หยิบ ของดี จากคอตัวเอง ให้ เจ๊สมพร คล้องคอไว้ และพาเดินฝ่าไปส่งถึงประตู เจ๊สมพร ก็รีบๆจ้ำผ่านม็อบ พอออกประตูได้ ก็หันมาขอบอกขอบใจยามและถอด ของดี คืน บอกว่าคุณต้องอยู่ต่อ ให้เอาไว้คุ้มครองรับรองเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์แล้ว--เพราะระหว่างเดินไป แกก็สวดเสกไปให้ นกหวีด ของยามมีอานุภาพแคล้วคลาดภยันตราย เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สนามพระ สนามพระเครื่อง วันที่ 16/02/57

สนามพระ สนามพระเครื่อง วันที่ 14/07/56